แนวทางนำไปปฏิบัติ

กฎกระทรวง 

กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย

อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย พ.ศ. 2556

 

สาระสำคัญของกฎหมาย

แนวทางปฏิบัติ

เอกสาร

ตามกฎหมาย

2.จัดทำบัญชีรายชื่อและรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีอันตราย และแจ้งต่ออธิบดีภายใน 7 วัน นับแต่วันที่มีสารเคมีอันตรายอยู่ในครอบครอง และให้ทำการแจ้งภายในเดือนมกราคมของทุกปี

1.สำรวจจำนวนสารเคมีอันตรายที่ครอบครอง

2.จัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีอันตราย และรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีอันตรายที่ครอบครอง แจ้งต่ออธิบดีภายใน 7 วัน นับแต่วันที่มีสารเคมีอันตรายอยู่ในครอบครอง และให้ทำการแจ้งภายในเดือนมกราคมของทุกปี




สอ. 1.pdf


3.จัดทำคู่มือเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติและขั้นตอนในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย คำแนะนำลูกจ้างเกี่ยวกับการป้องกันอันตราย ความหมายของข้อมูลที่มีบนฉลากและเอกสารข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีอันตราย

1.จัดอบรมพนักงานเกี่ยวกับขั้นตอนในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย ที่ปลอดภัยและถูกต้อง

2.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง

3.จัดทำคู่มือการทำงานที่ปลอดภัยเกี่ยวกับทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย


4.ลูกจ้างต้องปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต้องบรรเทาเหตุและแจ้งหัวหน้างานทราบทันที

1.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง

2.อบรมให้ความรู้การทำงานที่ถูกต้องและปลอดภัย และซ้อมการเกิดเหตุฉุกเฉิน การปฐมพยาบาลเบื้องต้น บรรเทาเหตุ และแจ้งให้หัวหน้างานทราบทันที


5.ลูกจ้างต้องปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้องและปลอดภัยตามคู่มือการปฏิบัติงาน ที่นายจ้างจัดทำขึ้นตามข้อ 4 และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย ลูกจ้างต้องบรรเทาเหตุ และแจ้งให้หัวหน้างานทราบทันที

1.จัดอบรมให้ความรู้การทำงานที่ถูกต้องและปลอดภัย และซ้อมการเกิดเหตุฉุกเฉิน การปฐมพยาบาลเบื้องต้น บรรเทาเหตุ และแจ้งให้หัวหน้างานทราบทันที

2.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง

3.จัดทำคู่มือการทำงานที่ปลอดภัยเกี่ยวกับทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย


6.ปิดฉลากภาษาไทยไว้ที่บรรจุภัณฑ์  แสดงชื่อผลิตภัณฑ์  ชื่อสารเคมีอันตราย รูป สัญลักษณ์ สัญญาณ ข้อความแสดงอันตราย และข้อควรระวังหรือข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันอันตราย และจัดให้มีป้ายห้าม ป้ายให้ปฏิบัติ หรือป้ายเตือนในที่เปิดเผย เห็นชัดเจน

1.ปิดฉลากรายละเอียดความปลอดภัย ไว้ที่บรรจุภัณฑ์  เป็นภาษาไทยมีขนาดใหญ่ชัดเจน อ่านง่าย คงทน

2.จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับ รายชื่อสารเคมีอันตราย ป้ายสัญลักษณ์ ข้อความแสดงอันตราย และข้อควรระวังหรือข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันอันตราย

3.ทำคู่มือการทำงานที่ปลอดภัยเกี่ยวกับทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย


7.ให้นายจ้างจัดให้มีป้ายห้าม ป้ายให้ปฏิบัติ หรือป้ายเตือน ในการทำงานเกี่ยวกับ สารเคมีอันตรายไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ชัดเจน ณ สถานที่ทำงานของลูกจ้าง

1.จัดทำป้ายห้าม ป้ายให้ปฏิบัติ หรือป้ายเตือน ในการทำงานเกี่ยวกับ สารเคมีอันตรายไว้อย่างชัดเจน


8.สารเคมีอันตรายที่อธิบดีกำหนดให้ควบคุมเป็นพิเศษ ให้ปิดประกาศหรือจัดทำป้ายแจ้งข้อความเกี่ยวกับอันตรายและมาตรการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากสารเคมีอันตรายดังกล่าว

1.ปิดประกาศข่าวสาร ให้ความรู้เกี่ยวกับสารเคมีอันตราย

2.กำหนดมาตรการป้องกันอันตรายที่อาจเกิด จากสารเคมีที่มีพิษเป็นพิเศษ


9.จัดทำป้ายข้อความ “ห้ามสูบบุหรี่ รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม ประกอบอาหาร หรือเก็บอาหาร” ณ บริเวณสถานที่ทำงาน สถานที่เก็บ หรือในยานพาหนะขนส่งสารเคมีอันตราย

1.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้

2.จัดทำป้ายข้อความ หรือสัญญาลักษณ์ที่เห็นชัดเจน

3.จัดทำที่พักสำหรับพนักงาน



10.จัดให้บริเวณที่ลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย มีสภาพถูกสุขลักษณะ มีระบบระบาย โดยให้มีออกซิเจนในบรรยากาศไม่ต่ำกว่าร้อยละ 19.5 โดยปริมาตร และมีระบบป้องกันและกำจัดอากาศเสีย

1.บริเวณพื้นที่ทำงาน ต้องถูกสุขลักษณะ สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย พื้นที่ทำงานต้องเรียบ สม่ำเสมอ ไม่ลื่น และไม่มีวัสดุเกะกะกีดขวางทางเดิน มีระบบระบายอากาศ

2. จัดให้มีสถานที่และอุปกรณ์เพื่อคุ้มครองความปลอดภัย และเวชภัณฑ์สำหรับการปฐมพยาบาล


11.จัดให้มีสถานที่และอุปกรณ์เพื่อคุ้มครองความปลอดภัย ในบริเวณที่ลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย ได้แก่ ที่ล้างตาและฝักบัวชำระล้างร่างกาย, ที่ล้างมือและล้างหน้า, ห้องอาบน้ำ, อุปกรณ์และเวชภัณฑ์สำหรับการปฐมพยาบาล, อุปกรณ์ดับเพลิง, ชุดทำงานเฉพาะและที่เก็บชุดทำงานที่ใช้แล้ว

1.จัดให้มีอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย ได้แก่ ที่ล้าง,ที่ล้างมือและล้างหน้า, ห้องอาบน้ำ เป็นต้น

2. ที่เก็บชุดทำงานที่ใช้แล้ว ชุดทำงานเฉพาะ และอุปกรณ์ดับเพลิงที่เหมาะสมกับสารเคมี

3.จัดให้มีอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์สำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น


12.ให้นายจ้างจัดอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามลักษณะอันตรายและ ความรุนแรงของสารเคมีอันตราย หรือลักษณะของงาน ให้ลูกจ้างใช้หรือสวมใส่เพื่อป้องกันอันตราย ที่อาจจะเกิดแก่ชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของลูกจ้าง

1.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้

2.จัดให้มีอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ตามลักษณะอันตรายและความรุนแรงของสารเคมีอันตราย ให้เพียงพอกับลูกจ้างทุกคน


13.จัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลให้ลูกจ้างใช้  และให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย ส่วนบุคคลนั้นๆ  กรณีที่ลูกจ้างไม่ใช้หรือไม่สวมใส่ ให้นายจ้างสั่งลูกจ้างหยุดการทำงานทันที

1.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง

2.จัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมและปลอดภัยให้ลูกจ้างสวมใส่

3..กรณีที่ลูกจ้างไม่ใช้หรือไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ให้นายจ้างสั่งลูกจ้างหยุดการทำงานทันที


14.นายจ้างต้องดูแลสถานที่ทำงาน เกี่ยวกับสารเคมีอันตรายและตรวจสอบอุปกรณ์ คุ้มครองความปลอดภัยที่จัดไว้

ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตลอดเวลา

1.บริเวณพื้นที่ทำงาน ต้องถูกสุขลักษณะ สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีวัสดุเกะกะกีดขวางทางเดิน

2.ตรวจสอบอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยตลอดเวลา


15.ห้ามเข้าพักอาศัย หรือพักผ่อนในสถานที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย สถานที่เก็บ หรือในยานพาหนะขนส่งสารเคมีอันตราย

1.ห้ามเข้าพักอาศัย หรือพักผ่อนในสถานที่ทำงาน หรือในยานพาหนะขนส่งสารเคมีอันตราย

2.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง


16.กรณีที่มีการร้องเรียนหรือมีปัญหาด้านความไม่ปลอดภัย ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขให้เกิดความปลอดภัยโดยไม่ชักช้า

1.ตรวจสอบข้อเท็จจริง

2.ตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย ในบรรยากาศบริเวณสถานที่ทำงานและสถานที่เก็บสารเคมีอันตราย

3.กำหนดมาตรการจัดการแก้ไขผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในการทำงาน และสุขภาพอนามัย



สอ.3.pdf

หมวด 4 การเก็บรักษา การบรรจุ และการถ่ายเทสารเคมีอันตราย



17.สถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตรายให้มีสภาพและคุณลักษณะ ดังต่อไปนี้

(1) ทนไฟได้ไม่น้อยกว่า 60 นาที กรณีตัวทำปฏิกิริยาที่รุนแรง ตัวเพิ่มออกซิเจน หรือไวไฟต้องทนไฟได้ไม่น้อยกว่า 180 นาที หรือไม่น้อยกว่า 90 นาทีหากมีระบบน้ำดับเพลิงอัตโนมัติ

(2) มีพื้นเรียบสามารถรับน้ำหนักได้ และไม่ดูดซับสารเคมีอันตราย มิให้มีขยะ เศษวัสดุหรือสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิง

(3) มีระยะห่างจากอาคารที่ลูกจ้างทำงานในระยะที่ปลอดภัย

(4) มีทางเดินภายในและภายนอกกว้างเพียงพอที่จะนำเครื่องมือและอุปกรณ์ดับเพลิงมาใช้ได้อย่างสะดวก

(5) มีทางเข้าออกไม่น้อยกว่า 2 ทาง ใช้ประตูทนไฟชนิดเปิดออกสู่ภายนอก  ปิดกุญแจห้องทุกครั้งเมื่อไม่ทำงาน

(6) มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสม

(7) มีการป้องกันสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอัคคีภัย

(8) จัดทำเขื่อน กำแพง ทำนบ ผนัง เพื่อกักมิให้สารเคมีอันตรายที่เป็นของเหลว ไหลออกภายนอก

(9) จัดทำรั้วล้อมรอบสถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตรายที่อยู่นอกอาคาร

(10) มีป้ายข้อความ “สถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตราย ห้ามเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” ปิดประกาศไว้ที่ทางเข้า

(11) มีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงอันตรายของสารเคมีอันตราย

(12) มีแผนผังแสดงที่ตั้งของอุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์ผจญเพลิง อุปกรณ์ที่ใช้ในกรณีฉุกเฉิน

1.เก็บรักษาสารเคมีอันตรายตามมาตรฐานการเก็บรักษาที่อธิบดีประกาศกำหนด

2.พื้นที่ทำงานต้องปลอดภัยและมีสภาพพร้อมทำงาน

3.มีมาตรการป้องกันควบคุมสถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตราย 4.ระมัดระวังมิให้หีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตรายชำรุดหรือพังทลาย

5.มีป้ายข้อความ “สถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตราย ห้ามเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” ปิดประกาศไว้ที่ทางเข้าและมีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงอันตรายของสารเคมีอันตราย

6.มีแผนผังแสดงที่ตั้งของอุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์ผจญเพลิง อุปกรณ์ที่ใช้ในกรณีฉุกเฉิน



18.ให้มีมาตรการป้องกันอันตรายและมาตรการเบื้องต้นในการแก้ไขเยียวยาอันตรายที่เกิดขึ้น

1.กำหนดมาตรการป้องกันอันตรายรวมทั้งมาตรการแก้ไขเยียวยา อุบัติเหตุ อันตรายและควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง

2.จัดอบรมให้ความรู้การทำงานที่ถูกต้องและปลอดภัย และซ้อมการเกิดเหตุฉุกเฉิน การปฐมพยาบาลเบื้องต้น บรรเทาเหตุ และแจ้งให้หัวหน้างานทราบทันที


19.ให้เก็บรักษาสารเคมีอันตรายตามมาตรฐานที่อธิบดีกำหนด โดยจัดทำบัญชีรายชื่อ ปริมาณที่จัดเก็บอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ระมัดระวังมิให้หีบห่อบรรจุชำรุด และมีมาตรการป้องกันความเสียหายหรืออันตรายที่เกิดจากการขุดเจาะ หรือเครื่องหมายแสดงตำแหน่งจัดเก็บกรณีที่เก็บไว้ใต้ดิน

1.เก็บรักษาสารเคมีอันตรายตามมาตรฐานการเก็บรักษาที่อธิบดีประกาศกำหนด

2.จัดทำบัญชีรายชื่อ ปริมาณสารเคมีอันตรายทุกชนิดที่จัดเก็บในสถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตรายแต่ละแห่งอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

3.มีมาตรการป้องกันความเสียหายหรืออันตรายที่เกิดจากการขุดเจาะ หรือมีเครื่องหมายแสดงตำแหน่งจัดเก็บให้เห็นชัดเจนในกรณีที่เก็บสารเคมีอันตรายไว้ใต้ดิน

4.ระมัดระวังมิให้หีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตรายชำรุดหรือพังทลาย


20.หีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตราย ต้องแข็งแรง มีอุปกรณ์นิรภัยระบายความดัน ตรวจสอบ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ บรรจุไม่เกินพิกัดที่กำหนด มีมาตรการป้องกันไม่ให้ยานพาหนะหรือสิ่งอื่นใดชน หรือกระแทก และควบคุมดูแลหีบห่อ มิให้เปิดทิ้งไว้เว้นแต่เพื่อการตรวจสอบหรือใช้ประโยชน์

1.ใช้วัสดุที่แข็งแรง ไม่ชำรุด ผุ กร่อน และสามารถเคลื่อนย้ายหรือขนส่งได้ด้วยความปลอดภัย

2.ตรวจสอบ และบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัยตลอดเวลา

3.มีมาตรการป้องกันไม่ให้ยานพาหนะหรือสิ่งอื่นใดชน หรือกระแทกหีบห่อ ภาชนะบรรจุ

หรือวัสดุห่อหุ้มที่มีสารเคมีอันตรายบรรจุอยู่

4.ควบคุมดูแลหีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรือวัสดุห่อหุ้มที่มีสารเคมีอันตรายบรรจุมิให้เปิดทิ้งไว้

เว้นแต่เพื่อการตรวจสอบหรือใช้ประโยชน์


21.การบรรจุสารเคมีอันตรายที่มีคุณสมบัติไวไฟหรือระเบิดได้ ต้องห่างจากแหล่งความร้อนและแหล่งที่ก่อให้เกิดประกายไฟในระยะที่ปลอดภัย

1.การบรรจุสารเคมีอันตรายที่มีคุณสมบัติไวไฟหรือระเบิดได้ ต้องห่างจากแหล่งความร้อน และแหล่งที่ก่อให้เกิดประกายไฟในระยะที่ปลอดภัย

2.การบรรจุสารเคมีอันตรายต้องปิดฉลากทุกครั้ง


22.การถ่ายเทสารเคมีอันตราย ต้องติดชื่อและสัญลักษณ์ความปลอดภัยบนภาชนะที่บรรจุใหม่ด้วย

1.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง

2.ติดชื่อและสัญลักษณ์ความปลอดภัยบนภาชนะที่บรรจุใหม่ด้วยทุกครั้ง


23. เก็บหีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตรายที่ใช้แล้วในที่ปลอดภัยและเหมาะสม

1.ห้ามนำภาชนะบรรจุสารเคมีที่ใช้แล้วมาใช้ประโยชน์และจัดเก็บภาชนะบรรจุสารเคมีไว้ในที่ปลอดภัยและเหมาะสม

2.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง


24.ในการขนถ่าย เคลื่อนย้าย หรือขนส่งสารเคมีอันตราย ให้มีมาตรการป้องกันการฟุ้งกระจาย เครื่องดับเพลิงชนิดเคลื่อนย้ายได้ ไม่บรรทุกสารเคมีอันตรายที่อาจเกิดปฏิกิริยาต่อกันไว้รวมกัน ตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะและผู้ขับขี่ จัดให้มีคู่มือหรือข้อปฏิบัติในการแก้ไขปัญหากรณีฉุกเฉินเป็นภาษาไทยและฝึกอบรมและฝึกซ้อมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง  และห้ามบรรทุกสารเคมีที่อาจเกิดปฏิกิริยาต่อกันไว้รวมกันในยานพาหนะ

1.มีมาตรการป้องกันการฟุ้งกระจายรวม ทั้งการกระเด็น หก ล้น รั่ว ไหล ของสารเคมีอันตราย

2.จัดให้มีคู่มือการทำงานที่ปลอดภัย หรือข้อปฏิบัติในการแก้ไขปัญหากรณีฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยพร้อมที่จะนำไปใช้ได้ทันที

3.จัดให้มีการฝึกอบรมและฝึกซ้อมวิธีการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินแก่ลูกจ้างอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และบันทึกไว้เป็นหนังสือ


25.ในการส่งโดยใช้ท่อ ให้ใช้ท่อและข้อต่อที่แข็งแรง ตรวจสอบให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ ติดตั้งในลักษณะที่มีการป้องกันการกระแทก ท่อใต้ดินหรือใต้น้ำต้องทนทานต่อการกัดกร่อนและมีเครื่องหมายแสดงตำแหน่งท่อตลอดแนว ใช้ท่อที่มีสีต่างกันสำหรับสารเคมีแต่ละชนิด มีฉนวนกันความร้อนหุ้มท่อสำหรับสารเคมีที่เกิดความร้อน และวางท่อส่งให้มีระยะห่างที่ปลอดภัยและให้ต่อสายดินที่ท่อนั้นด้วย

1.ในการส่งสารเคมีอันตรายโดยใช้ท่อ ต้องปฏิบัติดังนี้

- ใช้ท่อและข้อต่อที่แข็งแรง ไม่ชำรุด ผุ กร่อน หรือรั่ว

2.ตรวจสอบและบำรุงรักษาท่อและข้อต่อที่ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์

ตลอดเวลา

3.ติดตั้งหรือวางท่อในมีการป้องกันที่ไม่ทำให้เกิดการชำรุดเสียหายอันเนื่องจากการชน การทับ หรือการกระแทก

4.การวางท่อใต้ดินหรือใต้น้ำ ต้องใช้ท่อหรือข้อต่อประเภทที่ทนทานและต้องมีเครื่องหมายแสดงตำแหน่งของท่อให้เห็นได้โดยชัดเจน

5.การส่งสารเคมีอันตรายต่างชนิดกัน ต้องใช้ท่อที่มีสีหรือทาสีต่างกัน และทำเครื่องหมายให้เห็นได้ชัดเจนและต้องมีฉนวนหุ้มไว้ด้วย

6.การส่งสารเคมีอันตรายที่มีคุณสมบัติไวไฟหรือระเบิดได้ ต้องวางท่อส่งให้มีระยะห่างจากแหล่งความร้อน


26.การทำความสะอาดหรือกำจัดสารที่หกรั่วไหล ให้ทำตามที่ข้อมูลความปลอดภัยของสารแต่ละชนิดที่กำหนด ส่วนการกำจัดอาจใช้การเผา ฝัง หรือใช้สารเคมี  ตามหลักวิชาการและตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1.ทำความสะอาดสารเคมีอันตราย ตามที่ข้อมูลความปลอดภัยของสารแต่ละชนิดที่กำหนด

2.บริเวณพื้นที่ทำงาน ต้องถูกสุขลักษณะ สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีวัสดุเกะกะกีดขวางทางเดิน

3.การกำจัดอาจใช้การเผา ฝัง หรือใช้สารเคมี  ตามหลักวิชาการและตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


27.ภาชนะบรรจุที่ใช้แล้ว ต้องไม่ใช้บรรจุสิ่งของอื่น โดยเก็บรวบรวมไว้ในที่ปลอดภัยและกำจัดโดยวิธีที่เหมาะสม

1.ห้ามนำภาชนะบรรจุสารเคมีที่ใช้แล้วมาใช้ประโยชน์และจัดเก็บภาชนะบรรจุสารเคมีไว้ในที่ปลอดภัยและเหมาะสม

2.กำหนดมาตรการความปลอดภัย และควบคุมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามวิธีการทำงานที่ถูกต้อง


28.มีระบบป้องกันและควบคุมระดับความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายสถานที่ทำงานและสถานที่เก็บรักษา

1.กำหนดมาตรการควบคุมระดับความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย

2.กำหนดมาตรการแก้ไขผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในการทำงาน และสุขภาพอนามัย


29.ตรวจวัดและวิเคราะห์ระดับความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายในสถานที่ทำงานและสถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตราย และส่งรายงานผลการตรวจวัดภายใน 15 วัน

1.กำหนดมาตรการควบคุมระดับความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย

2.กำหนดมาตรการแก้ไขผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในการทำงาน และสุขภาพอนามัย

3.ทำการตรวจวัดระดับความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายในของสถานที่ทำงาน และสถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตราย และส่งรายงานผล การตรวจวัดให้แก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบผลการตรวจวัด




สอ.3.pdf

30.ในกรณีที่ระดับความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายเกินขีดจำกัด ให้ใช้มาตรการกำจัดหรือควบคุมทางวิศวกรรมและการบริหารจัดการสภาพแวดล้อม และต้องมีมาตรการป้องกันอันตรายส่วนบุคคลด้วยวิธีการที่เหมาะสม

1.กำหนดมาตรการควบคุมระดับความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย

2.กำหนดมาตรการแก้ไขผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในการทำงาน และสุขภาพอนามัย

3.จัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมและปลอดภัยให้ลูกจ้างสวมใส่


31.ให้มีการประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพของลูกจ้าง และทำรายงานการประเมินและจัดส่งแก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบผลการประเมิน

1.ประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพของลูกจ้างในกรณีที่มีการใช้สารเคมีอันตราย

2.จัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

4.ทำรายงานการประเมินและจัดส่งแก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบผลการประเมิน


32.ให้นายจ้างที่มีสารเคมีอันตรายไว้ในครอบครองตามรายชื่อและปริมาณที่กำหนด ประเมินความเสี่ยงและจัดทำรายงานการประเมินความเสี่ยงอย่างน้อย 5 ปีต่อ 1 ครั้ง

1.สำรวจจำนวนสารเคมีอันตรายที่ครอบครองและปริมาณที่กำหนด

2.ประเมินความเสี่ยงและจัดทำรายงานการประเมินความเสี่ยง

3.กำหนดแผนแก้ไขและควบคุมความเสี่ยง


33.ให้นายจ้างจัดทำแผนปฏิบัติการกรณีมีเหตุฉุกเฉินของสถานประกอบกิจการและเก็บแผนไว้ ณ สถานประกอบกิจการและฝึกซ้อมตามแผนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

1.กำหนดมาตรการแผนป้องกันอันตรายเหตุฉุกเฉินและเก็บแผนไว้ ณ สถานประกอบกิจการ

2.ทำการฝึกอบรมลูกจ้างที่มีหน้าที่ควบคุม และระงับเหตุอันตราย

3.ทำการฝึกอบรมทบทวนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


34.ฝึกอบรมลูกจ้างที่มีหน้าที่ควบคุมและระงับเหตุตามที่อธิบดีกำหนด และฝึกอบรมทบทวนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

1.ทำการฝึกอบรมลูกจ้างที่มีหน้าที่ควบคุม และระงับเหตุอันตรายตาม หลักสูตรที่อธิบดีประกาศกำหนด

2.ทำการฝึกอบรมทบทวนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

3.เก็บหลักฐานการฝึกอบรมพร้อมที่จะให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้


35.ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินสารเคมี ต้องหยุดทำงานทันที และออกไปให้พ้นรัศมีอันตราย พร้อมทั้งตรวจสอบและระงับเหตุทันที และกรณีที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน ให้ทำการเตือนอันตรายให้ประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบทราบทันที

1.กำหนดมาตรการแผนป้องกันอันตรายเหตุฉุกเฉิน

2.ทำการฝึกอบรมลูกจ้างกำหนดแผนป้องกันอันตรายเหตุฉุกเฉินและฝึกอบรมลูกจ้างที่มีหน้าที่ควบคุม และระงับเหตุอันตราย

3.ติดสัญญาณ และหอกระจายข่าวแจ้งเหตุฉุกเฉิน


36. ให้นายจ้างที่มีสารเคมีอันตรายอยู่ในครอบครองก่อนวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 จัดทำบัญชีรายชื่อและรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีอันตราย แจ้งต่ออธิบดีภายใน 7 วันนับแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2556

1.ตรวจสอบสารเคมีอันตรายที่ครอบครอง

2.จัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีอันตราย และรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัย สารเคมีอันตรายที่ครอบครอง แจ้งต่ออธิบดี ภายใน 7 วันนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ




I BUILT MY SITE FOR FREE USING